Refer a friend & Get ฿50 off
Mini Review: โอนเงิน Ripple เข้า Ledger Nano S
สัปดาห์ที่ผ่านมา ผมค่อนข้างผิดหวังกับ BTC หรือเงิน Bitcoin พอควร เพราะตอนที่มันราคาดีผมพยายามจะส่งเงินกลับมาขาย ตอนเลือก Transaction ผมเลือก Fee ที่ต่ำกว่าตลาด ด้วยความที่ยังไม่เข้าใจ เพราะแอพ Wallet บอกว่าถ้าใช้ Fee นี้ (ประมาณ 200 บาท ณ ค่าเงินตอนนั้น) คือมากกว่าหนึ่งชั่วโมง แต่ถ้าต้องการความรีบด่วนให้ใช้ Fee ประมาณ 250-300 บาท ซึ่งสูงจนน่าตกใจ ผมคิดว่าชั่วโมงกว่า ๆ หรือไม่เกิน 3 ชั่วโมงรอได้ เลยเลือกแบบประหยัดไป ผลคือช่วงนั้นต้องรอถึง 3 วันเต็มกว่าที่เงินจะส่งเข้าจริง ๆ ซึ่งถึงตอนนั้นราคาตกต่ำไป 20 กว่า % โชคดีเป็นจังหวะที่ Rebound ขึ้นมาหน่อยจึงไม่ขาดทุน
บทเรียน Transaction ของ BTC นั้นทำผมเข็ดมาก หลังจากปล่อยขายไป จึงไม่ได้กลับไปซื้อใหม่ ทั้งที่จริงก็รู้ว่าในฐานะ Cryptocurrency เบอร์หนึ่งนี่ ยังไงราคาของมันก็ยังมาก่อน แต่ธรรมชาติผมเป็นผู้ประกอบการ ไม่ใช่นักลงทุน เลยต้องการสกุลเงินที่ใช้งานได้จริง มิใช่เพื่อเก็งกำไรอย่างเดียว
พอมองหาเงิน Crypto ตัวใหม่ที่อยากถือ จึงมาลงที่ Ripple ไม่ใช่ Ethereum ที่เป็นเบอร์สอง เหตุผลหลัก ๆ เลยคือราคายังดูดี แม้จะขึ้นมาจนถึง 7 บาทกว่า ๆ ต่อ 1 XRP (Ripple) และการที่มันออกแบบมาเพื่อให้สถาบันการเงินออกมาใช้งานจริงในการโอนเงินระหว่างกัน ผมคิดว่านี่คือ Solution ที่เหมาะสม หากจะใช้งานจริง ๆ ในธุรกิจ
ส่วน Ethereum แม้แนวคิดน่าสนใจมาก ตรงการเปิดให้ทำ Distributed Application ได้ แต่แนวคิดเบื้องต้นคือคล้าย BTC แต่ทำอะไรได้มากกว่า ผมจะศึกษามันในแง่การใช้งานต่อ ๆ ไป แต่ในฐานะเงินผมขอเลือก Ripple ไปก่อนครับ ตัว Ripple เองมีการ Promise ว่าโอนเร็วมาก ค่า Fee ต่ำ สังเกตจากภาพนะครับ คือราคาต่ำกว่า 1 สตางค์เสียอีก ณ เรทนี้ ยิ้มเลย จะโอนเท่าไรก็ได้ โอน 100 ครั้งยังไม่เท่า 1 บาท ซึ่งเงิน 1 บาทปัจจุบันแทบทำอะไรไม่ได้ ค่าธรรมเนียมเท่านี้ยิ้มเลย
หากไม่ต่อเข้าคอมพิวเตอร์ก็เข้าไปดูเงินหรือใช้จ่ายไม่ได้เลย เหตุผลหลักของ Hardware Wallet ว่าทำไมต้องมี
การใช้ร่วมกับ Ledger Nano S จะมีความคล้าย Wallet อื่นๆ เพียงแต่คุณต้องต่อมันเข้ากับคอมพิวเตอร์เพื่อจัดการรับส่งได้ โดยเฉพาะฝั่งผู้ส่งเงินที่ต้องกด Approve จากฮาร์ดแวร์เท่านั้น ถึงทำได้ ก็จะช่วยให้เงินเรามีความปลอดภัยจาก Hacker สูงขึ้นอีกระดับครับ
ต้องเข้าใจก่อนว่า Ledger Nano S ไม่ได้เก็บเงินไว้ที่ตัวเอง แต่เงินจริง ๆ มันถูกเก็บไว้ใน Blockchains หรือ Network of Computer ที่ดูแลเงินสกุลนั้น ๆ อยู่ ดังนั้นหากมันหายไป เงินเรายังไม่หายไป เราสามารถ Recover เงินกลับมาใหม่ได้ด้วย Pass Phrase 24 คำ ที่ระบบได้ Generate ขึ้นมาตั้งแต่ตอน Setup
ทีนี้ใครอยากจะใช้มันเก็บ BTC หรือ ETH หรือ XRP และอีกมากที่ Ledger Nano S รองรับ ก็ทำได้สบาย ตัวมันยังมีประโยชน์อีกอย่างคือทำหน้าที่เป็น Fido U2F ได้ด้วย อธิบายง่าย ๆ คือใช้ Login Facebook หรือ Gmail หรือแอพใด ๆ ที่ลองรับ เพื่อป้องกันความปลอดภัยขั้นสุด ไม่ให้ใครมา Login ได้ ถ้าไม่มีกุญแจตัวนี้ ดังนั้นแล้วซื้อหนึ่งจึงได้ถึงสองครับ
หากสนใจซื้อเงินสกุล Ripple เพื่อใช้งานหรือเพื่อลงทุน ซื้อที่ Binance